มุมสุขภาพตา : #PRK

เรียงตาม
โรคตาแห้ง
โรคตาแห้ง มารู้จักกับโรคตาแห้ง      น้ำตา มีความสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ช่วยให้เรามองเห็นภาพชัดเจนโดยทำให้แสงผ่านกระจกตาได้ดี และนำออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตา รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอม      ตาแห้ง พบได้บ่อย เกิดจากความผิดปกติของน้ำตา อาจมีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอหรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวกระจกตาและเกิดอาการไม่สบายตา อาการที่บอกว่า ตาเราเริ่มแห้ง อาจมีตั้งแต่แสบตา ระคายเคืองตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา ตาแดง เจ็บ พร่ามัวลงแต่ดีขึ้นเมื่อกระพริบตา หรือรู้สึกฝืดๆ หนักๆตา ลืมตาลำบาก ล้าหรือมีอาการน้ำตาไหลมากก็เป็นได้      สาเหตุของการเกิดตาแห้งนั้นมีหลากหลาย ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศหญิงพบได้บ่อยกว่าเพศชาย อีกทั้งยาบางชนิด เช่น ยารักษาภูมิแพ้ การเพ่งหรือใช้สายตาติดต่อกันนานๆ เช่นใช้คอมพิวเตอร์ การอยู่ในที่ๆมีฝุ่นละอองและควัน ลมแรงและแสงจ้า ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือหลังทำเลสิกระยะแรก หรือจากโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน ผิวตาเสื่อมจากสารเคมีหรือการแพ้ยาแบบรุนแรง   วิธีการรักษาตาแห้งมีหลากหลาย ดังนี้ หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดอาการ เช่น เลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน แสงจ้า ด้วยการใส่แว่นกันแดด กันลม หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ พักสายตาหรือกระพริบตาบ่อยๆ หรือหลับตาพักเป็นระยะๆ อย่างน้อย 1 นาที ทุก ½-1 ชั่วโมง หากต้องใช้สายตาติดต่อกันนานๆ ใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมีหลายชนิด มีทั้งชนิดน้ำ (ใช้กลางวัน) และชนิดขี้ผึ้งหรือเจล (ใช้กลางคืน) น้ำตาเทียมจะแยกเป็นชนิดที่มีสารกันเสีย (รูปแบบขวด) ไม่ควรหยอดเกิน 4-5 ครั้งต่อวัน หรือชนิดที่ไม่มีสารกันเสีย (แบบกระเปาะ) ซึ่งสามารถใช้ได้บ่อยๆ โดยการเลือกน้ำตาเทียมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เนื่องจากแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน การใช้ยาหยอดบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตา เช่น การใช้ยารักษาภาวะเปลือกตาอักเสบที่พบเป็นสาเหตุของน้ำตาระเหยเร็ว ร่วมกับการให้ประคบอุ่นทำความสะอาดขอบตา การอุดท่อระบายน้ำตาที่บริเวณหัวตา ทำให้น้ำตาอยู่ในดวงตาเพิ่มขึ้น มีทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ใช้ในรายที่มีอาการตาแห้งรุนแรงหรือเรื้อรัง        โดยสรุป ตาแห้งเป็นโรคซึ่งไม่เป็นอันตรายไม่ถึงกับทำให้ตาบอด แต่จะน่ารำคาญ รบกวนการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย แต่ก็มีวิธีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้อาการดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขขึ้น ช่วงนี้ลมหนาวใกล้มา อากาศมักจะแห้งมากขึ้น อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตาให้ชุ่มชื้นด้วยนะคะ ถ้าสงสัยว่าตาเราแห้งหรือไม่ สามารถมาพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์เลสิก LASER VISION
อย่าให้ปัญหาสายตาสั้นทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยาก!
หลายคนมีปัญหาสายตาสั้น ทำให้มีทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ มองเห็นภาพไกล ๆ ไม่ชัด มองเห็นเป็นภาพเบลอ ซึ่งสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่มีค่าสายตาสั้นสูงมาก จนทำให้ต้องใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์แทบจะตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นการเพิ่มอุปกรณ์จำเป็นในการดำรงชีวิตและเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวันอีกด้วย โดยเฉพาะคนที่สายตาสั้นและต้องใส่คอนแทคเลนส์ยังต้องเพิ่มเรื่องของการดูแลความสะอาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ดวงตาติดเชื้อและอาจนำไปสู่อันตรายร้ายแรงต่อดวงตาอีกด้วย   ทั้งนี้ทั้งนั้นสายตาสั้นอาจไม่ใช่แค่ปัญหาที่สร้างความรำคาญ หรือทำให้ขาดความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตเพียงแค่นั้น แต่ยังส่งผลกระทบกับชีวิตได้อีกหลายด้าน ทั้งด้านสุขภาพ ด้านการเงิน หรือแม้กระทั่งยังอาจเป็นตัวกำหนดอาชีพในอนาคตเราได้อีกด้วย ดังนั้นหากไม่อยากปล่อยให้เรื่องสายตาสั้นเป็นปัญหากวนใจ ควรหาทางแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ   ผลกระทบด้านต่าง ๆ ที่เกิดจากสายตาสั้น ด้านสุขภาพ หลายคนยังไม่ทราบว่าหากใครที่มีสายตาสั้นมาก ๆ ในอนาคตอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในบริเวณดวงตาได้ เช่น จอประสาทตาเสื่อม จอตาลอก จอตาฉีกขาด หรือวุ้นในตาเสื่อม ซึ่งในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขึ้นทำทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เลย   ด้านสังคมและการดำเนินชีวิตประจำวัน สายตาสั้นทำให้ขาดความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตและการทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ในวัยเรียนอาจประสบปัญหามองกระดานเรียนไม่ชัด ทำให้มีปัญหาการเรียนสะดุดได้ เมื่อโตขึ้นการทำกิจกรรมบางอย่างก็ต้องใช้สายตาเป็นส่วนสำคัญ เช่น การขับขี่รถจักรยานยนต์หรือรถมอเตอร์ไซต์และอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อความคล่องตัวและความปลอดภัยจึงต้องใส่แว่นสายตาและคอนแทคเลนส์ และนำมาสู่ผลกระทบในข้อถัดไป   ด้านการเงิน เมื่อเริ่มรู้ว่าตนเองมีค่าสายตาที่ผิดปกติ ควรตรวจวัดค่าสายตาก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงทำการตัดแว่นหรือหาซื้อคอนแทคเลนส์ตามค่าสายตาของตนเอง เพื่อปรับให้มีการมองเห็นที่เหมาะสม ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา ต่างจากคนที่มีค่าสายตาปกติ และค่าสายตาเป็นอะไรที่ไม่คงที เมื่ออายุมากขึ้นค่าสายตาสั้นก็อาจสูงขึ้นตามไปด้วยทำให้ต้องเปลี่ยนเลนส์แว่นหรือคอนแทคเลนส์ใหม่ ๆ ทุกครั้งที่ค่าสายตาเปลี่ยน ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นในชีวิตประจำวัน   ด้านการประกอบอาชีพ รู้หรือไม่ว่าบางอาชีพมีการกำหนดค่าสายตาสูงสุดที่สามารถประกอบอาชีพนั้น ๆ ได้ด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นอาชีพที่ต้องใช้สายตาเพื่อความละเอียดแม่นยำเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ของทั้งตนเองและผู้อื่น อย่างเช่น อาชีพนักบินถูกกำหนดห้ามสายตาสั้นเกิน -3.00D ห้ามสายตาเอียงเกิน -1.50D ส่วนนายสิบ นายร้อย ตำรวจและทหาร ต้องมีสายตาปกติและอ่าน snellen chart ได้หกต่อหก   แก้ไขสายตาสั้น ให้หมดความกังวลใจ ด้วยการทำเลสิกกับ LASERVISION เพื่อความคล่องตัวในการดำเนินชีวิต และสำหรับบางคนที่อยากทำอาชีพได้แบบที่หวังโดยไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องค่าสายตา หนทางเดียวที่จะทำให้ค่าสายตาเป็นปกติ คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขค่าสายตา โดยที่ในปัจจุบันการผ่าตัดแก้ไขค่าสายตานั้นนิยมทำด้วยการเลเซอร์ ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น ที่สำคัญคือแผลผ่าเล็กไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมือนกับการที่ศูนย์รักษาสายตานานาชาติ เลเซอร์วิชั่น เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่นำเอาเทคโนโลยี NanoRelex® เข้ามาใช้ในการผ่าตัดแก้ไขค่าสายตา   โดย NanoRelex® เป็นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Femtosecond Laser ที่มีความแม่นยำสูง ในการปรับแต่งเนื้อเยื่อภายในชั้น Stroma ของกระจกตา ด้วยการคำนวณชิ้นเนื้อกระจกตา เป็นรูป 3 มิติ ที่เรียกว่า Lenticule ตามค่าสายตาของแต่ละบุคคล แล้วทำการนำ Lenticule ออกผ่านทางแผลขนาดเล็กประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ใช้เวลาผ่าตัดน้อย ลดอาการตาแห้งได้ดี ที่สำคัญคือ หลังการผ่าตัดกระจกตาจะยังคงรูปร่างและความแข็งแรงอยู่ ทำให้คุณมั่นใจในการใช้ชีวิตด้วยการมองเห็นที่ดีขึ้น และไม่มีปัญหากวนใจอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง
ศูนย์เลสิก LASER VISION
สายตายาวแต่กำเนิด VS สายตายาวตามวัย มีความแตกต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจจะคิดว่าสายตายาวมักพบได้บ่อยในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่เชื่อหรือไม่ว่าสายตายาวสามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กวัยแรกเกิดเช่นเดียวกัน ซึ่งเรียกว่าภาวะสายตายาวแต่กำเนิด (Hyperodia) เนื่องจากกระบอกตามีขนาดสั้น และกระจกตามีลักษณะโค้งน้อยกว่าปกติ ทำให้เกิดการหักเหของแสงน้อยลง ส่งผลให้แสงไปตกด้านหลังของจอประสาทตา เด็กวัยแรกเกิดจึงต้องเพ่งในทุกระยะสายตา ทั้งระยะใกล้และระยะไกลอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความที่กล้ามเนื้อตาในวัยเด็กยังมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้เด็กมักไม่รู้ตัวว่ามีภาวะสายตายาว แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อตาจะค่อย ๆ เสื่อมลง ภาวะสายตายาวก็จะเริ่มแสดงอาการออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น การมองเห็นก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป   ภาวะสายตายาวแต่กำเนิด ต่างกับ สายตายาวตามวัย อย่างไร? สายตายาวตามวัย (Presbyopia) ถือเป็นความผิดปกติของการมองเห็นที่เกิดขึ้นกับทุกคน เนื่องจากเลนส์ตาของเรายืดหยุ่นได้น้อยลง และกล้ามเนื้อตาเสื่อมสภาพลงไปตามวัยที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการมองเห็นระยะใกล้ จึงสามารถเกิดร่วมได้กับผู้ที่มีภาวะสายตาสั้น สายตายาวแต่กำเนิด และสายตาเอียงได้ ในขณะที่ภาวะสายตายาวแต่กำเนิดจะเกิดจากความผิดปกติของกระบอกตาหรือกระจกตาตั้งแต่แรกเกิดนั่นเอง   อาการของสายตายาวแต่กำเนิด ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในแต่ละช่วงอายุ ●       ก่อนวัยเรียน เมื่อเด็กเล็กอายุมากขึ้นจนถึงวัยที่ต้องใช้กล้ามเนื้อตาในการเพ่งมากกว่าปกติ อาจส่งผลให้มีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาการตาเหล่ ตาเข เมื่อมองใกล้หรือเวลาอ่านหนังสือ ●       วัยเรียน ถึงวัยที่อาการมองเห็นเริ่มแสดงผลชัดเจนมากขึ้นแล้ว เด็กจะเริ่มมองเห็นไม่ชัดในระยะใกล้ แต่สำหรับระยะสายตาไกลยังคงชัดเจนอยู่ วิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตได้ คือเด็กที่มีสายตายาวจะไม่สามารถอ่านหนังสือเป็นเวลานาน ๆ ได้ ●       วัยทำงาน นับเป็นช่วงวัยที่อายุเริ่มมากขึ้นแล้ว กล้ามเนื้อตาและประสาทตาต่าง ๆ เริ่มเสื่อมสภาพลง เมื่อทำงานหรือเพ่งตาระยะใกล้เป็นเวลานาน จึงเริ่มเกิดอาการตาล้าเร็วกว่าคนทั่วไป ●       วัยอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่อาการสายตายาวแสดงผลชัดเจนที่สุด การมองเห็นจะไม่ชัดอีกต่อไปทั้งในระยะใกล้และระยะไกล จำเป็นต้องสวมแว่นมองใกล้ช่วยในการอ่านหนังสือก่อนคนอื่น วิธีแก้ไขง่าย ๆ คือสวมใส่แว่นสายตาที่มีเลนส์นูน เพื่อหักเหแสงให้ตกลงบนจอประสาทตา   ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการของสายตายาวแต่กำเนิดข้างต้น คืออาการเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มีค่าสายตายาวไม่มากเท่านั้น เด็กบางคนที่มีค่าสายตายาวน้อย อาจมีหรือไม่มีอาการเลยก็ได้ แต่ในกรณีที่มีค่าสายตายาวแต่กำเนิดสูง ๆ อาการก็อาจหนักขึ้นได้เช่นกัน โดยอาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดตา ตาหยี หรือแม้กระทั่งการมองเห็นจะเป็นภาพมัว โดยเฉพาะการมองเห็นวัตถุระยะใกล้ด้วย หากเป็นเช่นนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยเข้าพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสมจะส่งผลดีต่อลูกน้อยที่สุด   แนวทางการรักษาภาวะสายตายาวแต่กำเนิด ที่ปลอดภัย อาการหายเป็นปลิดทิ้ง ●       การทำ FemtoLASIK การทำ FemtoLASIK (การทำเลสิกแบบไร้ใบมีด) เป็นการรักษาภาวะสายตายาวแต่กำเนิด เพื่อผ่าตัดแก้ไขปรับความโค้งของกระจกตา ด้วยเทคโนโลยีที่มาพร้อมกับศักยภาพความสามารถในการแยกชั้นกระจกตาขั้นสูง แพทย์สามารถกำหนดระดับความหนาของกระจกตาตามที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ และปลอดภัย โดยใช้เฟมโตเซเคินเลเซอร์ สร้างฝากระจกตาแทนการใช้ใบมีด ผลลัพธ์ที่ได้คือฝากระจกตาหนาเท่ากันทั้งแผ่น สามารถทำขอบกระจกตาเป็นมุมเข้าร่องกับเนื้อกระจกตาข้างเคียง ลดโอกาสเคลื่อนของฝากระจกตาได้ ●       การทำ LASIK ปกติแล้วการทำเลสิกจะใช้รักษาสายตาสั้น แต่สามารถรักษาภาวะสายตายาวแต่กำเนิดได้เช่นกัน โดยการผ่าตัดสายตา เปิดฝากระจกตาด้วยเครื่องมือใบมีดติดมอเตอร์ ในการแยกชั้นกระจกตา และสร้างฝากระจกตาให้มีความหนาที่เหมาะสม จากนั้นจึงใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ เพื่อปรับความโค้งของผิวกระจกตาให้ได้ค่าสายตาที่ต้องการแก้ไข ●       การทำ PRK การรักษาภาวะสายตายาวแต่กำเนิดอีกวิธีหนึ่งที่คล้ายกับการทำเลสิก โดยการเปิดกระจกตาชั้นนอกสุดออก แล้วใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (เลเซอร์เย็น) ยิงลงบนเนื้อกระจกตา เพื่อปรับความโค้งที่ผิวกระจกตา ก่อนปิดแผลที่ผิวกระจกตาด้วยเลนส์สัมผัสคุณภาพพรีเมี่ยม สำหรับลดอาการระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากระจกตาบาง ไม่เหมาะกับเด็กวัยเล็ก เพราะต้องใช้ระยะเวลารักษานานกว่าการทำเลสิก   Laser Vision ทุกการรักษาภาวะสายตายาวแต่กำเนิด หรือสายตายาวตามวัย เป็นไปได้จริง Laser Vision International LASIK Center ศูนย์รักษาสายตา เลเซอร์วิชั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านรักษาสายตาสั้น สายตายาว เอียง และโรคตาทุกชนิดแบบครบวงจร ตั้งแต่ปัญหาโรคตาทั่วไป สายตาสั้น สายตายาว ภาวะสายตายาวแต่กำเนิด ไปจนถึงการผ่าตัดที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญของแพทย์เฉพาะทางในแต่ละด้าน เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและดีที่สุดของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสามารถให้บริการรักษาได้ทั้งการทำ FemtoLasik การทำ LASIK และการทำ PRK คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยที่ภาวะสายตายาวแต่กำเนิด เข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ แพทย์จะช่วยวินิจฉัยอาการและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร 02-511-2111
ศูนย์เลสิก LASER VISION
วิธีทำเลสิกเลือกด้วยตัวเองได้ไหม?
วิธีทำเลสิกเลือกด้วยตัวเองได้ไหม? วิธีทำเลสิกเลือกด้วยตัวเองได้ไหม?      หนึ่งในข้อสงสัยที่สอบถามกันเข้ามาอย่างมากมาย คือ ทำเลสิกแบบไหนดี? ฉันเลือกเองได้ไหม? หรือต้องให้หมอเลือก? ซึ่งในวันนี้ Laser Vision จะขอตอบให้เคลียร์ทุกคำถามเกี่ยวกับการทำเลสิกแต่ละวิธี และวิธีการทำเลสิกแบบไหนเป็นวิธีที่เหมาะสมกับคุณ? Laser Vision มีการให้บริการรักษาสายตาไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตาเอียง หรือสายตายาวทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกัน โดยแต่ละรูปแบบก็จะมีข้อจำกัดและขอบเขตในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้   PRK      PRK เป็นการรักษาที่เริ่มต้นมายาวนาน การรักษาสายตาด้วยวิธีนี้จะเริ่มจาก การลอกผิวกระจกตาชั้นนอกสุดก่อน จากนั้นจะใช้ Excimer Laser ทำการปรับผิวกระจกตาให้ได้ความโค้งที่พอดีกับค่าสายตา วิธีนี้จะไม่มีการแยกขั้นกระจกตา เหมาะกับการรักษาสายตาผิดปกติสำหรับผู้ที่มีสายตาสั้น สายตาเอียง หรือสายตายาวที่ไม่มากเกินไป ต้องอาศัยการพักฟื้นที่ยาวนานกว่า อย่างน้อยประมาณ 1 สัปดาห์ และอาจต้องมีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง   LASIK      LASIK หรือ Laser In Situ Keratomileusis เป็นการรักษาที่ได้รับการพัฒนาต่อมาจากการรักษาด้วยวิธี PRK และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยวิธีนี้จะมีขั้นตอนการแยกชั้นกระจกตาด้วยใบมีดขนาดเล็ก และเปิดชั้นกระจกตาออก จากนั้นจึงใช้ Excimer Laser ไปปรับความโค้งของผิวกระจกตาชั้นกลางเพื่อให้ได้ค่าความโค้งที่พอดี แล้วปิดกระจกตากลับเข้าตำแหน่งเดิม การรักษาด้วยวิธีเลสิกนี้ทำให้เพิ่มโอกาสในการรักษาสำหรับผู้ที่มีสายตาผิดปกติในระดับสูงได้ ไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตาเอียง หรือสายตายาว และยังใช้เวลาในการพักฟื้นเพียง 1 วันก็กลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ   NanoLASIK      NanoLASIK เป็นวิธีการรักษาสายตาที่ทันสมัยมากขึ้น และได้รับความนิยมมากที่สุด วิธีนี้จะเป็นการรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์ในทุกขั้นตอน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบมีด (Bladeless) โดยขั้นตอนในการแยกชั้นกระจกตาจะใช้เลเซอร์ที่เรียกว่า Femtosecond Laser ที่มีพลังงานน้อยกว่า ในระดับนาโนจูล ในการแยกชั้นกระจกตาแทน แล้วค่อยใช้ Excimer Laser ทำการปรับผิวกระจกตาให้ได้ค่าสายตาตามต้องการ วิธีนี้สามารถเพิ่มโอกาสให้กับผู้ที่มีสายตาผิดปกติในระดับสูงได้มากขึ้น และยังช่วยลดอาการระคายเคืองได้   NanoRelex      NanoRelex ถือเป็นวิธีการรักษาสายตาที่ทันสมัยที่สุด โดยการใช้ Femtosecond Laser ยิงเข้าไปตัดแต่งเนื้อเยื่อในชั้นกระจกตาเพื่อปรับค่าสายตาให้เป็นปกติ จากนั้นนำกระจกตาส่วนเกินออกมาผ่านทางแผลขนาดเล็ก ๆ เพียง 2-3 มม. การรักษาสายตาด้วยวิธี NanoRelex นี้ จะไม่มีการแยกชั้นกระจกตา และแผลมีขนาดเล็กมาก ๆ จึงถือเป็นการรักษาที่มีความอ่อนโยนต่อดวงตามากที่สุด และยังรักษาความแข็งแรงให้กระจกตาได้ แต่วิธี NanoRelex นั้น จะเหมาะกับผู้ที่มีสายตาสั้น หรือสายตาเอียงเท่านั้น ยังไม่สามารถรักษาสายตายาวโดยกำเนิดได้      หลังจากทราบถึงความแตกต่างของการรักษาแต่ละวิธีแล้ว จะเห็นได้ว่า “ดวงตาของคุณ” จะเป็นผู้ให้คำตอบเองว่า คุณสามารถเข้ารับการรักษาสายตาด้วยวิธีใดได้บ้าง      และนอกเหนือจากข้อมูลด้านสภาพดวงตา และวิธีการรักษาสายตาแต่ละแบบแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทีมแพทย์นำมาพิจารณาแนะนำวิธีการทำเลสิกที่เหมาะสมที่สุด การทำเลสิกแต่ละชนิดก็ยังมีข้อระวังเรื่องการดูแลหลังการรักษาและการพักฟื้นที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังนั้น การตัดสินใจว่าจะเลือกทำเลสิกวิธีใด จึงควรเป็นการตัดสินใจร่วมกันระหว่างคนไข้และแพทย์ เพื่อการมองเห็นที่ดีที่สุดของคุณ และขอให้วางใจใน Laser Vision เพราะจักษุแพทย์ของเราเป็นทีมจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตาและการรักษาสายตาผิดปกติโดยเฉพาะที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์การรักษาที่ยาวนาน
ที่อยู่
Laser Vision International LASIK Center

10/989 ซ.ประเสริญมนูกิจ 33 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230

ช่องทางติดต่อ
Line