มุมสุขภาพตา : #Dry Eyes

เรียงตาม
โรคตาแห้ง
โรคตาแห้ง มารู้จักกับโรคตาแห้ง      น้ำตา มีความสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ช่วยให้เรามองเห็นภาพชัดเจนโดยทำให้แสงผ่านกระจกตาได้ดี และนำออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตา รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอม      ตาแห้ง พบได้บ่อย เกิดจากความผิดปกติของน้ำตา อาจมีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอหรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวกระจกตาและเกิดอาการไม่สบายตา อาการที่บอกว่า ตาเราเริ่มแห้ง อาจมีตั้งแต่แสบตา ระคายเคืองตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา ตาแดง เจ็บ พร่ามัวลงแต่ดีขึ้นเมื่อกระพริบตา หรือรู้สึกฝืดๆ หนักๆตา ลืมตาลำบาก ล้าหรือมีอาการน้ำตาไหลมากก็เป็นได้      สาเหตุของการเกิดตาแห้งนั้นมีหลากหลาย ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศหญิงพบได้บ่อยกว่าเพศชาย อีกทั้งยาบางชนิด เช่น ยารักษาภูมิแพ้ การเพ่งหรือใช้สายตาติดต่อกันนานๆ เช่นใช้คอมพิวเตอร์ การอยู่ในที่ๆมีฝุ่นละอองและควัน ลมแรงและแสงจ้า ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือหลังทำเลสิกระยะแรก หรือจากโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน ผิวตาเสื่อมจากสารเคมีหรือการแพ้ยาแบบรุนแรง   วิธีการรักษาตาแห้งมีหลากหลาย ดังนี้ หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดอาการ เช่น เลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน แสงจ้า ด้วยการใส่แว่นกันแดด กันลม หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ พักสายตาหรือกระพริบตาบ่อยๆ หรือหลับตาพักเป็นระยะๆ อย่างน้อย 1 นาที ทุก ½-1 ชั่วโมง หากต้องใช้สายตาติดต่อกันนานๆ ใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมีหลายชนิด มีทั้งชนิดน้ำ (ใช้กลางวัน) และชนิดขี้ผึ้งหรือเจล (ใช้กลางคืน) น้ำตาเทียมจะแยกเป็นชนิดที่มีสารกันเสีย (รูปแบบขวด) ไม่ควรหยอดเกิน 4-5 ครั้งต่อวัน หรือชนิดที่ไม่มีสารกันเสีย (แบบกระเปาะ) ซึ่งสามารถใช้ได้บ่อยๆ โดยการเลือกน้ำตาเทียมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เนื่องจากแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน การใช้ยาหยอดบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตา เช่น การใช้ยารักษาภาวะเปลือกตาอักเสบที่พบเป็นสาเหตุของน้ำตาระเหยเร็ว ร่วมกับการให้ประคบอุ่นทำความสะอาดขอบตา การอุดท่อระบายน้ำตาที่บริเวณหัวตา ทำให้น้ำตาอยู่ในดวงตาเพิ่มขึ้น มีทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ใช้ในรายที่มีอาการตาแห้งรุนแรงหรือเรื้อรัง        โดยสรุป ตาแห้งเป็นโรคซึ่งไม่เป็นอันตรายไม่ถึงกับทำให้ตาบอด แต่จะน่ารำคาญ รบกวนการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย แต่ก็มีวิธีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้อาการดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขขึ้น ช่วงนี้ลมหนาวใกล้มา อากาศมักจะแห้งมากขึ้น อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตาให้ชุ่มชื้นด้วยนะคะ ถ้าสงสัยว่าตาเราแห้งหรือไม่ สามารถมาพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์เลสิก LASER VISION
หลังทำเลสิก ต้องดูแลตัวเองอย่างไร
หลังทำเลสิก ต้องดูแลตัวเองอย่างไร หลังทำเลสิก ต้องดูแลตัวเองอย่างไร      ภายหลังจากทำเลสิก ดวงตาของเราจะเปราะบางเป็นอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากสวิซเซอร์แลนด์ NanoRelex และ NanoLASIK ที่มีการใช้เลเซอร์พลังงานต่ำ จึงทำให้อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นภายหลังทำเลสิกลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ทำเลสิกมากกว่า 26 ปี การทำเลสิกกับ Laser Vision จึงมีความละเอียดและปลอดภัยในทุกขั้นตอน ในการรักษาการมองเห็นที่สดใสของดวงตาคุณให้กลับคืนมา   อาการข้างเคียงเบื้องต้นหลังการทำเลสิก      อย่างไรก็ตามการทำเลสิกอาจจะทำให้เกิดอาการค้างเคียงภายหลังทำเลสิกให้กับคนไข้ ซึ่งอาจจะมีอาการแตกต่างกันไปแล้วแต่ละบุคคล ในระยะสั้น อาการที่พบบ่อย มีดังนี้ อาการระคายเคืองตา เป็นอาการที่พบได้ในช่วง 24 ช.ม.แรก ภายหลังทำเลสิก สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ใช้ทิชชู่ซับน้ำตารอบฝาครอบ หากมีน้ำตาไหลออกมา อาการนี้ส่วนใหญ่จะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 1 วัน สายตาไม่ชัด หรือมีอาการตาพร่ามัว อาการนี้มักเกิดขึ้นภายในสัปดาห์แรก ซึ่งเกิดมาจากอาการตาแห้งที่เกิดขึ้นจากการทำเลสิก เมื่อแผลสมานและหายดีแล้ว การมองเห็นก็จะชัดเจนดีขึ้นตามลำดับ การมองเห็นแสงไฟแตกกระจายในตอนกลางคืน อาการนี้มักพบใน 2 ลักษณะ คือ อาการมองเห็นแสงเป็นรูปแบบของแสงกระจาย (Glare) หรือ แสงรัศมีรอบดวงไฟ (Halo)  ซึ่งเกิดขึ้นจากผิวกระจกตาที่ไม่เรียบเพราะถูกแสงเลเซอร์เจียระไนปรับความโค้งของกระจกตา แต่เมื่อเวลาผ่านไป กระจกตาจะมีการปรับเนื้อเยื่อจนเรียบเนียนขึ้น แสงที่แตกก็จะหายไปเป็นปกติ ในบางท่านอาจส่งผลต่อการขับขี่ตอนกลางคืน ควรงดการขับขี่ยานพาหนะชั่วคราว อาการตาแห้ง ภายหลังจากการทำเลสิกอาจทำให้เกิดสภาวะต่อมน้ำตาผลิตน้ำตาน้อยลงกว่าปกติทำให้ตาแห้ง สามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ซึ่งอาการนี้ดีขึ้นและหายไปเมื่อเวลาผ่านไป   อาการข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจะเป็นกังวล ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที      ถ้าหากคนไข้พบอาการในลักษณะดังกล่าวต่อไปนี้ ควรติดต่อแพทย์และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที อาการปวดตา หรือเคืองตา ตาบวม หรือ ตาแดงมากขึ้น กว่าวันแรกหลังผ่าตัด พบว่า ตามัวลง และมีสีของขี้ตาผิดปกติ ได้รับอุบัติเหตุโดนกระแทกบริเวณตาข้างที่ทำผ่าตัด      ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีสามารถช่วยให้อาการค้างเคียงที่เกิดขึ้นลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามดวงตาภายหลังการทำเลสิกยังมีความเปราะบาง จำเป็นต้องใช้เวลาและดูแลรักษาอย่างอ่อนโยนเพื่อฟื้นฟูดวงตาให้กลับมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญ การเลือกทำเลสิกควรเลือกสถานที่ศูนย์เลสิกที่สะอาด มาตรฐาน มีประสบการณ์ดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาโดยตรง มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาได้อย่างละเอียดครบถ้วนทุกขั้นตอนตั้งแต่ก่อนทำเลสิก และหลังทำเลสิก
ศูนย์เลสิก LASER VISION
เรื่องของน้ำตา
เรื่องของน้ำตา น้ำตาธรรมชาติ ผลิตจากต่อมน้ำตาของคนเรา มีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง คือ ให้ความชุ่มชื้นแก่กระจกตาและเยื่อบุตา ปรับสภาพของกระจกตาให้มีความเรียบ เพื่อให้แสงผ่านได้สะดวก การมองเห็นชัดเจน ให้สารอาหารและออกซิเจน รวมทั้งขจัดของเสียออกจากกระจกตา มีสารอย่างอ่อนป้องกันการติดเชื้อของกระจกตา      น้ำตาธรรมชาติมีความสำคัญมาก เมื่อตาของคนเราเกิดจุดแห้งขึ้นจากการที่น้ำตาธรรมชาติบนกระจกตาหรือเยื่อบุตาระเหยไป ระบบอัตโนมัติในร่างกายเราจะสั่งการให้เกิดการกระพริบตา การกระพริบตาเป็นการกระจายน้ำตาธรรมชาติให้กระจายไปทั่วกระจกตาและเยื่อบุตา เราจึงรู้สึกสบายตา      เมื่อร่างกายผลิตน้ำตาธรรมชาติที่ใช้ในการหล่อลื่นกระจกตาและเยื่อบุตาไม่เพียงพอ  จะทำให้เกิดอาการตาแห้ง  ตาแดง  ระคายเคืองตา  แสบตา ตาพร่า  ตาสู้แสงไม่ได้  หากท่านมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาจักษุแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุ   น้ำตาเทียม      น้ำตาเทียม เป็นสารที่ผลิตขึ้นเพื่อทดแทนน้ำตาธรรมชาติในผู้ที่ผลิตน้ำตาได้น้อยกว่าปกติ หรือมีภาวะตาแห้ง  ใช้หล่อลื่นและให้ความชุ่มชื่นแก่กระจกตา  ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเคืองตา หรืออาการรู้สึกไม่สบายตา เนื่องจากตาโดนลมและแสง   น้ำตาเทียมสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ น้ำตาเทียมชนิดที่มีสารกันเสีย สารกันเสีย ช่วยให้น้ำตาเทียมคงสภาพอยู่ได้นาน และป้องกันการเติบโตของเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนเข้าไปขณะหยอด หลังจากเปิดขวดใช้งานแล้ว สามารถเก็บได้นาน 1 เดือน และสามารถใช้ได้ไม่เกินวันละ 5 ครั้ง น้ำตาเทียมชนิดไม่มีสารกันเสีย มีลักษณะเป็นหลอดขนาดเล็กๆใช้หยอดในแต่ละวันแล้วทิ้งไปเลย มักให้ความรู้สึกสบายตากว่า เนื่องจากไม่มีสารกันเชื้อแบคทีเรียผสมอยู่จึงต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมง สามารถใช้ได้บ่อยทุก 2 ชั่วโมง ข้อดีคือผู้ป่วยจะไม่มีอาการแพ้เลย แต่มักมีราคาสูงกว่าน้ำตาเทียมชนิดแรก   โดยทั่วๆไปน้ำตาเทียม มีทั้งรูปแบบสารละลาย เจล และขี้ผึ้ง รูปแบบสารละลาย ให้ความสะดวกในการใช้ รูปแบบเจล หรือขี้ผึ้ง มีคุณสมบัติหล่อลื่นและรักษาความชุ่มชื้นที่ตาได้นานกว่าสารละลาย      เมื่อใช้น้ำตาเทียมไม่ว่าจะเป็นชนิดหยอด เจล  หรือ ขี้ผึ้ง น้ำตาเทียมจะทำหน้าที่เคลือบอยู่บนผิวกระจกตา  และต้องใช้เวลาในการกระจายตัวไปทั่วผิวตา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการตามัวได้ชั่วคราว การที่น้ำตาเทียมทำหน้าที่เคลือบผิวกระจกตาไว้นั้น  ก็เพื่อทำให้เกิดการเก็บรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา ซึ่งจะทำให้รู้สึกสบายตามากขึ้น   วิธีใช้น้ำตาเทียม ล้างมือให้สะอาดก่อนหยอดน้ำตาเทียม เขย่าขวดยาถ้ายานั้นระบุว่ให้เขย่าขวดก่อนใช้ เปิดขวดยา อย่าให้นิ้วสัมผัสกับปลายขวดยาเพื่อหลึกเลี่ยงการปนเปื้อนของน้ำยา นอนหรือนั่ง แหงนหน้ามองขึ้นข้างบน ใช้มือดึงเปลือกตาล่างให้เป็นกระพุ้งหยอดตาแต่ละข้าง ข้างละ 1 – 2 หยด หรือตามที่แพทย์สั่ง ปล่อยมือจากการดึงเปลือกตาล่างและอย่ากระพริบตาสักครู่ (อย่างน้อย 30 วินาที) หรือทำตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เมื่อหยอดตาแล้วอาจมีอาการตาพร่ามัวชั่วขณะ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเมื่อขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล   วิธีเก็บรักษาน้ำตาเทียม ให้เก็บยาในที่เย็น ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ห้ามใช้เมื่อน้ำยาเปลี่ยนสี หรือสีขุ่น   คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับน้ำตาเทียม คำถาม: ในคนปกติทั่วๆไป จำเป็นต้องใช้น้ำตาเทียมหรือไม่? ตอบ น้ำตาเทียมเป็นยาหยอดตาประเภทหนึ่งซึ่งช่วยให้ความชุ่มชื่นกับดวงตา โดยปกติคนเราจะมีการกระพริบตาเฉลี่ยนาทีละ 10 -15 ครั้งเพื่อให้น้ำหล่อเลี่ยงลูกตามาฉาบดวงตา ดังนั้นในคนปกติทั่วๆไปที่รู้สึกเคืองตา หรือระคายเคืองตา อาจเกิดจากภาวะที่เรียกว่า “ตาแห้ง หรือ Dry Eye” การใช้น้ำตาเทียมก็จะช่วยให้รู้สึกสบายตา และลดอาการดังกล่าวได้   คำถาม: ใครบ้างที่ควรใช้น้ำตาเทียม? ตอบ สำหรับผู้ที่ควรใช้น้ำตาเทียมนอกจากผู้ที่ใช้ตามคำสั่งแพทย์แล้ว ยังมีผู้สูงอายุ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน และกลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวกับจอคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาแห้ง เนื่องจากปัญหาการทำงานของต่อมน้ำตาลดลงตามอายุ ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนจะทำให้น้ำหล่อเลี้ยงลูกตาลดลงกว่าคนปกติทั่วๆไป   กลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กลุ่มนี้อาจเกิดจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ทำให้มีการกระพริบตาน้อยกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะตาแห้งได้ ในผู้ทีต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ควรพักสายตาทุกครึ่งชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกแสบตา เคืองตา ควรหลับตาพักสัก 3 -5 วินาที เพื่อบรรเทาอาการดังกล่าว   คำถาม: น้ำตาเทียมใช้ได้บ่อยครั้งแค่ไหน? ตอบ สำหรับผู้ใช้งานโดยทั่วไป ที่หยอดน้ำตาเทียมเพื่อให้ดวงตาชุ่มชื้น และรู้สึกสบายตา สามารถใช้งานได้โดยเฉลี่ยไม่เกิน 4-5 ครั้งต่อวัน แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะตาแห้ง หรือช่วยในการรักษาตาผิดปกติอื่นๆ สามารถใช้ได้บ่อยตามคำสั่งแพทย์        สำหรับผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีเลสิค หรือ เลสิก (LASIK) แพทย์จะสั่งให้หยอดน้ำตาเทียม เพื่อช่วยรักษาอาการตาแห้งในระยะแรกซึ่งอาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้น ในช่วงระยะเวลา 3 – 6 เดือน    
ที่อยู่
Laser Vision International LASIK Center

10/989 ซ.ประเสริญมนูกิจ 33 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230

ช่องทางติดต่อ
Line