มุมสุขภาพตา : #7 พฤติกรรม

เรียงตาม
โรคตาแห้ง
โรคตาแห้ง มารู้จักกับโรคตาแห้ง      น้ำตา มีความสำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา ช่วยให้เรามองเห็นภาพชัดเจนโดยทำให้แสงผ่านกระจกตาได้ดี และนำออกซิเจนมาเลี้ยงกระจกตา รวมทั้งช่วยป้องกันการติดเชื้อและสิ่งแปลกปลอม      ตาแห้ง พบได้บ่อย เกิดจากความผิดปกติของน้ำตา อาจมีปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอหรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป ก่อให้เกิดการบาดเจ็บที่ผิวกระจกตาและเกิดอาการไม่สบายตา อาการที่บอกว่า ตาเราเริ่มแห้ง อาจมีตั้งแต่แสบตา ระคายเคืองตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา ตาแดง เจ็บ พร่ามัวลงแต่ดีขึ้นเมื่อกระพริบตา หรือรู้สึกฝืดๆ หนักๆตา ลืมตาลำบาก ล้าหรือมีอาการน้ำตาไหลมากก็เป็นได้      สาเหตุของการเกิดตาแห้งนั้นมีหลากหลาย ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศหญิงพบได้บ่อยกว่าเพศชาย อีกทั้งยาบางชนิด เช่น ยารักษาภูมิแพ้ การเพ่งหรือใช้สายตาติดต่อกันนานๆ เช่นใช้คอมพิวเตอร์ การอยู่ในที่ๆมีฝุ่นละอองและควัน ลมแรงและแสงจ้า ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ หรือหลังทำเลสิกระยะแรก หรือจากโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน ผิวตาเสื่อมจากสารเคมีหรือการแพ้ยาแบบรุนแรง   วิธีการรักษาตาแห้งมีหลากหลาย ดังนี้ หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดอาการ เช่น เลี่ยงการโดนลมแรง ฝุ่นควัน แสงจ้า ด้วยการใส่แว่นกันแดด กันลม หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานานๆ พักสายตาหรือกระพริบตาบ่อยๆ หรือหลับตาพักเป็นระยะๆ อย่างน้อย 1 นาที ทุก ½-1 ชั่วโมง หากต้องใช้สายตาติดต่อกันนานๆ ใช้น้ำตาเทียม ซึ่งมีหลายชนิด มีทั้งชนิดน้ำ (ใช้กลางวัน) และชนิดขี้ผึ้งหรือเจล (ใช้กลางคืน) น้ำตาเทียมจะแยกเป็นชนิดที่มีสารกันเสีย (รูปแบบขวด) ไม่ควรหยอดเกิน 4-5 ครั้งต่อวัน หรือชนิดที่ไม่มีสารกันเสีย (แบบกระเปาะ) ซึ่งสามารถใช้ได้บ่อยๆ โดยการเลือกน้ำตาเทียมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เนื่องจากแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน การใช้ยาหยอดบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตา เช่น การใช้ยารักษาภาวะเปลือกตาอักเสบที่พบเป็นสาเหตุของน้ำตาระเหยเร็ว ร่วมกับการให้ประคบอุ่นทำความสะอาดขอบตา การอุดท่อระบายน้ำตาที่บริเวณหัวตา ทำให้น้ำตาอยู่ในดวงตาเพิ่มขึ้น มีทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ใช้ในรายที่มีอาการตาแห้งรุนแรงหรือเรื้อรัง        โดยสรุป ตาแห้งเป็นโรคซึ่งไม่เป็นอันตรายไม่ถึงกับทำให้ตาบอด แต่จะน่ารำคาญ รบกวนการดำรงชีวิตประจำวันของผู้ป่วย แต่ก็มีวิธีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้อาการดีขึ้น และสามารถดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขขึ้น ช่วงนี้ลมหนาวใกล้มา อากาศมักจะแห้งมากขึ้น อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพตาให้ชุ่มชื้นด้วยนะคะ ถ้าสงสัยว่าตาเราแห้งหรือไม่ สามารถมาพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและให้การรักษาต่อไป
อ่านเพิ่มเติม
ศูนย์เลสิก LASER VISION
7 พฤติกรรมทำร้ายดวงตา
7 พฤติกรรมทำลายดวงตา 7 พฤติกรรมทำร้ายดวงตา การสูบบุหรี่ จากผลการวิจัยมากมายที่พูดถึงอันตรายของบุหรี่ รวมถึงการสูบบุหรี่ยังเป็นภัยคุกคามต่อดวงตาเช่นกัน เช่น โรคต้อกระจก โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคม่านตาอักเสบ (uveitis) โรคเบาหวานขึ้นตา หรือแม้แต่โรคตาแห้งก็ตาม การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ การรับประทานอาหาร Fast food จนเป็นปกติส่งผลให้ร่างกายได้รับวิตามินจากผักและผลไม้ไม่เพียงพอ ดวงตาต้องการวิตามินในการซ่อมแซม และช่วยในการปกป้องดูแล ไม่สวมแว่นกันแดด การออกแดด พบเจอแสง UV โดยตรง โดยไม่ได้รับการป้องกัน เป็นการทำร้ายดวงตา ทำให้เกิดได้ทั้งต้อลม ต้อเนื้อ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการหลับ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอเร่งให้เกิดให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้เกิดการหมองคล้ำใต้ตา ตาแห้ง และมองเห็นไม่ชัด การดื่มน้ำน้อยไป การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละแปดแก้วน้ำ ดีต่อสุขภาพอย่างที่รู้กันอยู่ แต่ในทางกลับกันเมื่อการดื่มน้ำน้อยไปไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายส่งผลโดยตรงต่อการผลิตน้ำตาที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ตาแดงและเปลือกตาบวมช้ำ การขยี้ตา การขยี้ตาเป็นการทำลายเส้นเลือดเล็กๆภายใต้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดการหมองคล้ำ ตีนกา และถุงใต้ตาก่อนวัยอันควร รอยคล้ำรอบดวงตา เป็นสัญญาณแรกที่เตือนให้รู้ได้ว่าเกิดภาวะผิดปกติกับดวงตาของคุณ ไม่เคยเข้ารับการตรวจสุขภาพตา การตรวจสุขภาพตาเพื่อให้รู้ก่อนถึงปัญหา ภาวะเสี่ยง โรคตาบางชนิดไม่แสดงอาการเจ็บปวด หรือสัญญาณเตือนใดๆ เช่นโรคต้อหินเฉียบพลัน
ที่อยู่
Laser Vision International LASIK Center

10/989 ซ.ประเสริญมนูกิจ 33 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร 10230

ช่องทางติดต่อ
Line